Descriptions:
รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง
WE CAN BE HEROES เป็นหนังทุนสร้างที่สูงอีกเรื่องของเน็ตฟลิกซ์ที่จะหยิบยกเรื่องราวของ The Adventures of Sharkboy and Lavagirl in 3-D ที่ผ่านไปนานหลายปีแล้ว จนพวกเขาแต่งงานและมีลูกกัน แต่ภัยร้ายที่โลกยังไม่หมด ทำให้พวกเขาต้องเข้าร่วมทีม ฮีโร่อิกส์ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มฮีโร่ที่แกร่งที่สุดในโลกเพื่อปกป้องโลกจากเหล่าวายร้าย ภายในเรื่องนี้นักแสดงหลักสองคนที่เป็นเอกจากเรื่อง Sharkboy and Lavagirl ได้กลับมาแสดงอีกครั้งในเวอร์ชั่นตอนโตอีกครั้ง นี้ถือว่าเป็นการเซอร์ไพรส์แฟน ๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เรื่องนี้มีลงใน Netflix kids ด้วยนะ พร้อมภาษาไทยให้รับฟังกันได้เลย
เรื่องย่อในโลกปัจจุบันมีกลุ่มฮีโร่ที่แกร่งที่สุดมีชื่อว่า ฮีโร่อิกส์ พวกเขาได้พบสัญญาณของเหล่าเอเลี่ยน จึงต้องทำให้เหล่าฮีฌร่ต้องออกปฏิบัติการไปหยุดยั้งเหล่าเอเลี่ยน แต่พวกเขากลับโดนจับตัวไว้ได้ ซึ่งในนั้นมี มาร์คัส พ่อของ มิซซี่ สาวน้อยซึ่งไร้พลังวิเศษ ได้มาอยู่กับเหล่าลูกของซุปเปอร์ฮีโร่ในฐานลับของฮีโร่อิกส์ พวกเด็ก ๆ จึงต้องหาวิธีทางที่จะช่วยเหลือพ่อแม่ของตนจากเอเลี่ยนให้ได้
เรื่องราวในช่วงแรกอาจจะทำให้หลาย ๆ คนอาจเลิกดูก็เป็นได้ เมื่อการใส่ซีจีสู้กับสัตว์ประหลาดในช่วงแรกนั้นมันช่างแย่เหลือเกิน พร้อมด้วยชุดเห่ย ๆ ที่ทำล้อเลียนซุปเปอร์แมน ทำให้ตอนแรกนั้นมีอคติไปบ้าง แต่เมื่อพอดูไปเรื่อย ๆ กลับพบว่าเรื่องนี้มีความน่าสนใจมากกว่าที่คิด นี้มันคือหนังสำหรับ Geek ซุปเปอร์ฮีโร่เลยก็ว่าได้ การทำฮีโร่ต่าง ๆ แทบจะยกมาจากตัวละคร DC comics เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะมี มิราเคิลแมนที่ล้อเลียนซุปเปอร์แมน, สโลโมที่ล้อเลียนแฟรช นู้ดเดิ้ลล้อเลียนมนุษย์ยางยืด นอกจากนี้ยังมี ฟาสฟอร์เวิดและรีไวล์ไทม์ ที่ยังสามารถย้อนอดีตและเร่งเวลาได้เหมือนวิดีโอเพลเยอร์ ทำให้เมื่อดูไปเรื่อย ๆ พลังส่วนใหญ่ก็จะออกแนวเวอร์ ๆ ทั้งนั้น เวลาดูเลยสนุกที่เด็กเหล่านี้ชอบเอาพลังเหล่านี้มาทำอะไรแปลก ๆ อยู่เสมอ พร้อมประโยคแซะหนังฮีโร่เก่า ๆ ที่ทำให้คนดูต้องฮา แต่พอหนังเล่าถึงกลางเรื่อง หลาย ๆ อย่างภายในเรื่องก็เริ่มที่จะสนุกน้อยลง ฉากแอ็กชั่นที่ทำออกมาค่อนข้างแย่ การเตะต่อยที่ไม่มีอิมแพ็ค ความไม่สมเหตุสมผลมาเต็มไปหมด ส่งผลให้อารมณ์ร่วมหายไปมีแต่ชงมุกไปเรื่อย จนกระทั่งถึงปลายเรื่องที่จะมีหลาย ๆ อย่างที่สนุกถาโถมเข้ามาไม่หยุด ความสนุกอยู่ที่บทสนทนา และการเล่าเรื่องของท้าย ๆ บท ที่ชงมุกออกมาได้ดี และยังเก็บรายละเอียดของเรื่องเฉลยออกมาได้โอเค บทสรุปโอเค ไม่ย้อนแย้งกับตัวเรื่องซักเท่าไหร่
ถ้าใครติดตามนักแสดงเก่า ๆ จาก The Adventures of Sharkboy and Lavagirl in 3-D อาจจะต้องผิดหวังกันได้ เพราะบทเด่น ๆ ของพวกเขานั้นแทบจะไม่มีเลย การโชว์พลังเหมือนกับการมาโชว์ความอ่อนซะมากกว่า คนที่จะมาดูเรื่องนี้เพื่ออยากเห็นพัฒนาการของพวกเขานั้น อาจจะต้องทำให้ผู้ชมผิดหวัง เพราะนี้เป็นหนังโฟกัสไปที่ลูก ๆ ของเหล่าฮีโร่เพียงอย่างเดียวเลย การมาของคนรุ่นใหม่จะมาแทนที่คนยุคเก่า
การแสดงของเหล่าเด็ก ๆ ยังคงมีปัญหาอยู่ที่การแสดงของพวกเขายังไม่สามารถดึงดูดผู้ชมให้สามารถอินไปกับเนื้อเรื่องได้ ซึ่งมันช่างน่าเสียดายมาก ที่นักแสดงจาก Spy kids แสดงออกมาได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้หรือการพูดคุย ยังคงยกให้ The Adventures of Sharkboy and Lavagirl in 3-D ยังดีกว่าเรื่องนี้
We Can BE Heroes เป็นผลงาน Robert Anthony Rodriguez โปรดิวเซอร์จาก Spy kids ทั้งสี่ภาค และผู้กำกับ The Adventures of Sharkboy and Lavagirl in 3-D จึงไม่ค่อยแปลกใจเลยว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงมีกลิ่นอายของหนังซุปเปอร์ฮีโร่เด็กมากขนาดนี้ นี้เป็นการนำผลงานเมื่อ 15 ปีที่แล้ว มาปัดฝุ่นใหม่อีกทีให้ทันสมัยมากขึ้น พร้อมด้วยการล้อเลียนประเด็นของเหล่าฮีโร่ที่หลาย ๆ คนสงสัย ทำให้หนังเรื่องนี้มีสีสันมากขึ้น จึงมั่นใจว่าเรื่องนี้ถ้าใครเป็นแฟน ๆ ของเหล่าฮีโร่อาจจะชอบมุกที่หยอกล้อและความบันเทิงที่เรื่องนี้นำเสนออย่างแน่นอน